Today is serious, becuse I tested think and determine subject this morning. I couldn't do it. I forgot rule in this subject.Now I am happy,I am writting in my blogger.

Today I study english very nice, because I like study about another tences in english. I can not write very well english structure,but I am try

The law is an ass-et. coups,Law and Corruption cases

The Law is an Ass-et. Coups, Law and Corruption Cases
The Asset Examination Committee/Asset Scrutiny Committee คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก็ให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐIn late June 2008 the Asset Examination Committee/Asset Scurtiny Committee (depending on the translation) wound up its activities. Vilified and loved in the same measure, the AEC was commissioned in the aftermath of the 2006 September coup against the caretaker Thaksin government to investigate losses to the state during the Thaksin administration. Some of its members were well known anti-Thaksin figures and their impartiality was quite reasonably questioned. However, the AEC had no authority to determine guilt, but merely to investigate. Its evidence had to be forwarded to the appropriate authorities and courts. Recently, the Constitutional Court ruled the Committee was a lawful organization, after lawyers argued its coup-origins made it an illegitimate body. This was always going to be a long shot: Thai law proceeds on the premise, and has done for nearly 60 years, that coups are legal once the resulting government has, de facto, established its right to rule. This then enshrines all coup decrees as legal. Of course, the new constitution also verifies that "fact" - hence the layered, complex mess that is Thai law. It is worth noting that the cases that are now before the courts, including the Rachadapisek land purchase) are merely the tip of the iceberg. Below, for the purposes of information, I summarise the cases that the AEC have determined should be pursued. Only a few are now in process. The ASC claims that the 21 cases it examined involve a loss to state revenue of 1.8 saen laan baht The information comes from Vote Magazine, July 2008 issue. SummaryThe cases acted on by the Asset Examination Committee are classified into four types:1. Those currently in progress in the courts1.1 Tax avoidance in transferring Shinawat Computer Inc. Communications involving Khun Ying Pojaman Shinawat –Bannaphot Damaphong Case number : 1149/2550 commenced 26 March 20071.2 The sale of land in the Rachadapisek district by the Financial Institutions Development Fund (FIDF) to KY. Pojaman Shinawat. Both Thaksin and Pojaman are defendants 1.3 The case regarding the 2/3 number lottery project by the The Government Lottery Office. 32 political office holders and 16 officials.2 Those cases which have been sent to the office of the auditor general but which were not decided by the Attorney General before the ASC ended its tenure: 2.1 Projects regarding electrical cable laying at Suwannaphum airport involving former Minister of Transport Suriya Jungrungreangkit and a top official in the Ministry of Transport2.2. Case involving baggage systems and CTX 9000 scanners at S.Airport involving 26 politicians, civil servants, officials of state enterprises, juristic persons, and entrepreneurs. Loss to the state estimated at 6, 937 million baht. 2.3 Case involving “loan irregularities loan irregularities extended to the Krisda Mahanakorn Group” by the Krung Thai group. The case involves Thaksin, his son Panthongtae and 31 (former) board members of Krung Thai Bank. 2.4 Five cases that allege the former prime minister Thaksin used his position to benefit his own businesses, causing loss to state assets. 2.4.1 Case on the order to convert mobile phone operator concessions to an excise tax, leading to a loss of the Telephone organization of Thailand of 30, 667 million baht. 2.4.2 Case regarding reducing revenue share paid to TST ทศท from prepaid mobile services from 25 to 20% leading to a state loss of 70, 872 million baht.2.4.3 Case relating to AIS and its reduction of payments by treating networks separately for payment purposes to TOT. Loss of 18970579711 baht during the term of the concession. This gain enabled rise in Shin Corp before its sale. 2.4.4 Various breaks given by the Board of Investment for IPSTAR satellite projects within Thailand. 2.4.5 Case regarding Treasury officials in tax negotiations regarding the sale of Shin Corp. 3. Those cases under consideration by the AEC but not forwarded to the OAG before 30th June. 3.1 Case regarding Sky Train Airport link with losses to the state of 1, 200 million baht. 3.2 Three Cases regarding Ua Athon housing project that involves builders, officials (3.2.1/3.2.2/3.2.3 ) 3.3 A case involving the Ministry of Agriculture and Cooperatives and its dealings with private companies worth 300 million baht. 3.4 The case involving the Bangkok Metropolitan Authority’s purchase of fire trucks involving a loss to the state of 1, 900 million baht. 3.5 The cause of unusual wealth in Thaksin’s purchase of Manchester City4. Those cases which have been returned after the Attorney General determined not to proceed.4.1 The Export-Import Bank and the loan to Burma (which involved purchase of Shin Corp products). Claimed loss of state amounting to 670,436,201 baht (EXIM) 140,349,000 (Treasury). Gains to Shin Corp 593,492,815 baht. 4.2 Case involving Ministry of Agriculture and Cooperatives and rubber plantations project. Loss to the state of 1, 400 million baht Case involves 44 people including Newin Chidchop, former Deputy Minister of Agriculture. Various accused are being asked to pay compensation of 1,109 million baht. 5. Those cases sent to the Tax office to recoup tax.5.1 Pojaman Shinawat and Banaphot Damaphong transferred shares with no tax. Tax outstanding approximately 546 million baht. 5.2 Thaksin’s children Phongthongtae and Thongtha Shinawat bought shares in Shin Corp from Ample Rich Invesment (164.6 million each) at a cost of 1 baht before they sold it to Temasak at 49.25 baht, which is subject to tax. In August 2550 requested Tax Department to seek payment of 11, 809, 294, 773 baht in tax. 5. 3. Ample Rich tax issue, as it was active in Thailand for four years, but never paid tax.

สถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน ตอนที่ 1 สวัสดีครับเพื่อนๆในเวปบอร์ดแห่ง Mthai อันที่จริงแล้วผมเองก็ได้ติดตามข่าวการเมืองจากหลายๆสื่อมานานพอสมควรครับ สิ่งที่ผมจะนำเสนอนี้อาจจะไม่ถูกใจใครก็ได้ แต่ว่ามันเป็นความคิดของผม ณ ปัจจุบัน ถ้าใครคิดเห็นอย่างไรช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยวาจาสุภาพและมีการศึกษาด้วยนะครับว่ากันเรื่องระบบคุณทักษิณที่ผ่านมาผมเห็นว่าคุณทักษิณทำผลงานให้กับประชาชนตามที่ได้ตั้งนโยบายไว้เกือบทุกประการ อันจะเห็นได้จากผลงานด้านยาเสพติด การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การยกหวยใต้ดินมาไว้บนดิน การเร่งพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยการขายกิจการและแปรรูป ปตท จนหนี้สินIMF หมดลง นโยบาย30บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้านละ1ล้านบาท ฯลฯซึ่งแต่ละนโนบายได้ทำออกมาเป็นรูปธรรมและแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้มีผลงานอย่างต่อเนื่องแต่ว่านโยบายทั้งหมดนี้มันไม่มีความแน่นอนอยุ่หลายอันดังจะเห็นได้จาก30บาทรักษาทุกโรคในตอนแรกๆใช้ได้เกือบทุกโรงพยาบาล ผมคิดว่าคงมีความน่าสนใจไม่น้อยทำให้โรงบาลชั้นนำยอมเข้าร่วมตาม....แต่จะเห็นได้ในปัจจุบันว่า ใช้ได้กับแค่ไม่กี่โรงพยาบาล หากแต่ทั้งบางครั้งใช้กับสาธารณสุขใกล้บ้านยังแทบจะไม่รับแล้ว ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากการที่สถานพยาบาลต่างๆไม่สามารถรองรับค่าใช้จ่ายเบื้องต้นได้ถัดมาคือการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปตท ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่รัฐบาลได้รับผลประโยชน์หลายอย่าง แต่เสียประโยชน์หลายอย่างเช่นกัน ซึ่งกล่าวกันว่าในตอนแรกรัฐบาลมีหุ้นอยุ่ 75% ปัจจุบันเหลือเพียง 52% อันเนื่องมาจากการขาดทุน (จำนวนเหล่านี้ข้อมูลมาจากตลาดหุ้น ณ วันที่ 24 ธ.ค.48) ซึ่งคาดว่าในอนาคตอันใกล้อาจจะเหลือเพียง 40% และกลายเป็นของเอกชนไปในที่สุดการปราบปรามด้านยาเสพติดที่มีผลงานค่อนข้างชัดเจน แต่ก็ชัดเจนเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลต้องการทำหากแต่ปัจจุบัน เฉพาะที่เชียงใหม่บริเวณตลาดธานินทร์ก็ยังมีการเสพยา โดยจ่ายส่วยผ่านกองกำลังผาเมืองและตำรวจ โดยที่ไม่มีการจับกุมแต่อย่างใด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากรัฐบาลจะปราบปรามก็ทำได้ แต่จะทำได้เฉพาะช่วงที่ต้องการแสดงอำนาจ ถ้าไม่อยากแสดงก็จะกลับมาเหมือนเดิม3 นโยบายที่กล่าวมาข้างต้นเป็นนโยบายที่มีผลงานค่อนข้างชัดเจนกับคนทั้งประเทศ แต่ว่าเป็นเพียงนโยบายเอาหน้าก่อนการเลือกตั้ง 1 ปีซึ่งทำให้การเลือกตั้งครั้งถัดมาทำให้ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนรากหญ้าอย่างมากมาย เพราะประชาชนชอบผู้นำที่มีผลงานชัดเจนแต่ไม่ได้ดูความต่อเนื่องของผลงาน อีกทั้งประชาชนชาวรากหญ้าซึ่งก้อคือ เกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ พวกเขามีความคิดแค่การทำเกษตรกรรมเพื่อดูแลคนในครอบครัว พวกเขาไม่มีเวลามาคิดหรอกว่า วันพรุ่งนี้ทักษิณจะปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจไปทางไหน ทักษิณจะแก้กฏหมายเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจอย่างไร และไม่มีเวลามานั่งดูทีวีเปิดอินเตอร์เนตติดตามข่าวในกระทู้ต่างๆ ไม่มีเวลาแจ้งสื่อขอแถลงข่าวการโกงกินของบ้านเมือง พวกเขามีหน้าที่ ที่ต้องทำงานปลูกผัก ทำนา ดูแลพืชไร่ เลี้ยงสัตว์ ฯลฯ เพื่อจะมีเงินไว้ใช้ในวันถัดไป และส่งลูกเรียน ซึ่งในที่นี้ต้องการจะบอกว่า การกระจายเม็ดเงินเล็กๆน้อยๆของรัฐบาล(เช่นการลงทุนกู้ยืมหมู่บ้านละ1ล้านบาท)+การลงพื้นที่เข้าไปดูแลประชาชน(เช่นการลงทะเบียนคนจน) เป็นเพียงการแสดงออกถึงน้ำใจที่เล็กน้อยสำหรับนักวิชาการ แต่มันมากมายสำหรับพวกเขาซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน ซึ่งทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นเกษตรกรเลือกคุณทักษิณมาทำหน้าที่ดูแลประเทศ ที่สำคัญคือจำนวนประชาชนในภาคเหนือและภาคอีสานมีจำนวนมากกว่าภาคใต้มาก ดังนั้นฐานเสียงหรือหัวคะแนนในพื้นที่จึงมีมากกว่าแน่นอนการรวบรวมพรรคการเมืองเล็กจนถึงกลางกลางที่มีฐานเสียงในแต่ละเขตมาอยุ่ในพรรคไทยรักไทย ทำให้พรรคไทยรักไทยได้เปรียบด้านจำนวน ส.ส. และ ประชาชน เพราะคนส่วนมากเลือก ส.ส. มาจากผลงานในพื้นที่ ไม่ได้เลือกมาจากนายกฯรัฐมนตรีโดยตรง ส.ส. ในพื้นที่จึงมีหัวคะแนนและชักจูงให้คนมาเลือกตนเองได้ง่ายกว่า และด้วยอำนาจเงินตรามหาศาล แต่เป็นเพียงเศษเล็กๆของพรรคไทยรักไทยจึงจูงใจให้ ส.ส. หลายคนยอมสละบัลลังค์เก่า เข้าสู่บัลลังค์ใหม่ซึ่งมีผลประโยชน์กับตนมากมายกว่า...ดังจะเห็นได้จากเงินบริจาคเข้าสู่พรรคและการจัดตั้งการหาเสียงตามที่ต่างๆ พรรคไทยรักไทยสามารถเช่าสนามกีฬาใหญ่ๆ 1 สนาม เพื่อจุคนมาฟังนโยบายได้อย่างสบายๆ แต่พรรคเล็กๆไร้ชื่อเช่น พรรคเกษตรกร***(ขอสงวนนาม) แค่เวทีเล็กๆมาหาเสียงก็ลำบากแล้วเพราะไม่มีเงินทุนในการจัดตั้งการหาเสียง ดังนั้นการเข้ารวมของ สส จากพรรคต่างๆจึงมีความมั่นคงกว่าการอยุ่โดดๆในพรรคที่เล็กกว่า และทำให้พรรคไทยรักไทยสามารถกวาดคะแนนเสียงไปถึง 300 กว่าที่นั่งสิ่งที่ฉลาดกว่านั้นในการหาเสียงคือการชักจูงคนผ่านสื่อต่างๆ เช่นพ่อค้า แม่ค้า แท็กซี่ ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะต้องมีการสื่อสารและเห็นเครือญาติพวกพ้องมีความสำคัญ เมื่อคนๆหนึ่งที่เป็นสมาชิกของสังคมนี้บอกกับอีกคนหนึ่งกว่า เลือกพรรคนี้นะดีอย่างนี้แบบนี้ คนที่ฟังก้อจะเชื่อและ กระจายความคิดนี้จากคนสู่คน จากปากสู่ปากเหมือนกับไฟลามทุ่งนั่นละ ดี1คนก้อเหมือนดี5คน ดังนั้น การหาเสียงจากสื่อนี้สามารถทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับคะแนนเสียงมากกว่าเพราะเป็นการเล่าปากต่อปากเมื่อผ่านไป 1 ปีกับการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ความผิดที่ชัดเจนเริ่มปรากฏขึ้นเป็นรูปธรรม แต่เป็นความผิดที่ไม่สามารถเรียกว่า"เนียน"ได้ ต้องเรียกว่า"ด้าน" เห็นได้จากการขายหุ้นในเครือชินคอปเปอเรชั่นซึ่งถ้าเป็นคนที่มีจริยธรรมโดยปกติทั่วไปหรือเป็นคุณ ถ้าคุณได้กำไรมหาศาลจากการทำธุรกิจ การบริจาคเงินคุณจะทำไหม? คุณเป็นศาสนาพุทธพระพุทธสอนเราเสมอว่าจงทำตัวเสียสละแก่พวกพ้องมีเมตตากรุณาแต่คุณมีเงิน 7หมื่นกว่าล้าน ผมว่าเงินแค่ 1.5หมื่นล้านที่จะตอบแทนเข้าสู่สังคมเพื่อพัฒนาประเทศ จะมีประโยชน์มากกว่าคุณเอาไปลงทุนให้เงินมันงอกเงยขึ้นมาอีกซึ่งกำไร 7หมื่นล้านนี้คุณแบ่งกันใช้ในครอบครัววันละ 5 ล้านใช้ไปอีก 40ปียังไม่หมด แต่สังคมไทยมีคนหาเช้ากินค่ำ ทำงานเพื่อจะได้มีเงินใช้มีรถมอเจอร์ไซด์และมีบ้านเล็กๆอยุ่กับครอบครัวอีกมากมาย คุณไม่เคยนึกถึง คุณอ้างแต่ว่า ผมทำตามระบบประชาธิปไตยที่หุ้นมีความเสี่ยงสูงถึงไม่ต้องเสียภาษีทเวลาขายในตลาดหลักทรัพย์ ผมไม่ว่าที่คุณทำถูกกฏหมาย แต่คุณทำผิดกฏจริยธรรมความเป็นคน ที่ต้องรู้จักแบ่งปันความเท่าเทียมกันในสังคมบ้าง ไม่ใช่มีความคิดทุนนิยมอย่างเดียว เพื่อเงินของตัวเราเอง ที่นี่เมืองไทยครับ ศาสนาพุทธ ทำอะไรต้องอยุ่ใน จารีต ประเพณี และหลักในศาสนา เพื่อจะได้ไม่ถูกผู้คนรุมประชาทัณฑ์ ซึ่งคุณทักษิณได้เป็นกรณีตัวอย่างแล้วการขายหุ้นไม่ได้มีผลกระทบเศรษฐกิจของประเทศอย่างเดียว แต่ยังมีผลต่อความมั่นคงของชาติที่อาจโดนต่างชาติเข้ามาครอบงำ ซึ่งในอนาคตคุณอาจจะเห็นไอทีวีปรับปรุงเป็นแหล่งประชาสัมพันธ์ธุรกิจจากประเทศสิงคโปร์ ในตอนนี้อาจจะไม่แต่ในอนาคตเราเองก้อไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะปัจจุบันนี้สิงคโปร์กำลังจะดำเนินการกับไอทีวีแน่นอนการเกิดเหตุการณ์ที่นักวิชาการ และ ปัจเจกบุคคลจำนวนมากออกมาเรียกร้องให้คุณทักษิณลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองเนื่องจากปัจจุบันพวกเขาทราบดีกว่า คุณทักษิณใช้ความได้เปรียบทางการเมือง เข้าต่อสู้กับปัญหา ซึ่งใครๆก้อทราบอยุ่แล้วว่า คุณทักษิณมีฐานเสียงจากส.ส.มากมาย การเลือกตั้งสมัยหน้า(วันที่ 2เมษายนนี้)คะแนนจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแน่นอน มิหนำซ้ำการเปลี่ยนแปลงอาจจะเกิดขึ้นมากอีก โดยที่คนไทยคาดไม่ถึงเช่น ส.ส.พรรคไทยรักไทยได้รับการเลือกตั้งแบบเบ็ดเสร็จ 480เสียง+ โดยที่ถึงเวลานั้นมาประเทศชาติจะไม่มีอะไรเหลืออยุ่ การคงเหลืออยุ่ของการประปา และ การไฟฟ้าในปัจจุบันอันเนื่องมาจาก ในหลวงของเราทรงห่วงใยประชาชนคนไทยโดยการแสดงพระราชดำรัสขอร้องนายกฯรัฐมนตรีและคณะ ทุกคนว่าขอให้เหลือ น้ำและไฟฟ้า ไว้ให้ประชาชนได้ใช้ เพื่อลูกหลานของเรา แต่กลับมีบุคคล คนหนึ่งต้องการขายโดยอ้างเหตุผลว่า ประเทศชาติจะได้เจริญทางเศรษฐกิจ(เจริญแน่นอน รับรองว่าค่าไฟฟ้าจะปรับสูงขึ้นอีก 3 เท่าเหมือนกรณีของอาเจนติน่า) และทุกอย่างยังเหมือนเดิม แค่คนไทยได้เป็นเจ้าของอีก 25% และ 75%รัฐเป็นคนดำเนินนโยบาย ประชาชนส่วนใหญ่อาจไม่ทราบว่า หากรัฐบาลได้ขายการไฟฟ้าแล้ว เงินลงทุนจากหุ้น25%ของประชาชนจะถูกนำมาบริหารโดย75%ของรัฐบาลและได้รับเงินปันผลตามกำไรที่การไฟฟ้าทำได้ หากแต่จะรุ้ไหมว่า75%นั้นรัฐบาลเป็นคนบริหารหากไปไม่รอดมีหนี้สิน รัฐบาลจะเป็นคนรับผิดชอบ ซึ่งคุณทราบไหมว่า หากรัฐบาลบริหารงานผิดพลาดมีหนี้มากกว่ารายได้ก้อสามารถ ขายหุ้น75%ให้กับใครก็ได้ซึ่งหมายความว่า คนที่มาซื้อจะได้เป็นเจ้าของแทน และการไฟฟ้าก้อจะถูกขายอย่างเสร็จสมบูรณ์โดยที่คนที่ไม่รุ้พระราชกฤษฎีกาทราบมาก่อนเลยเมื่อการไฟฟ้าและสื่อสารถูกขายแล้ว รายต่อไปคือการประปาแน่นอน ซึ่งทราบได้เลยว่าสุดท้ายประเทศไทยจะไม่มีอะไรเหลือ นอกจากคำว่า"ยากจน" เพราะเงินที่เป็นกำไรจำนวนมากจะไหลออกจากประเทศทั้งหมด คุณไม่คิดบ้างหรือว่าทำไมทักษิณไม่ขายการไฟฟ้าโดยที่กำหนดสัญญาว่าคนไทยเป็นเจ้าของหุ้นและทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว เพราะเค้าได้คำนวณว่าจะมี นอมินีจากต่างชาติมากวาดซื้อหุ้นให้เรียบร้อย ****นอมินีคือบริษัทที่จดทะเบียนในไทยได้สัญชาติไทย แต่เงินลงทุนจากต่างประเทศ *** กล่าวง่ายๆคือให้ต่างชาติเอาเงินมาซื้อ และโดยมากนอมินีไม่ใช่ใครที่ไหน มันก้อคือบุคคลพันธมิตรของชินคอร์ปทั้งหลายนั่นเองซึ่งสุดท้าย กิจการทุกอย่างจะถูกต่างชาติเป็นเจ้าของทั้งหมด แต่ถูกบริหารงานโดยคนไทย เหมือนรัฐบาลหุ่นนั่นแหละครับ บริหารงานเก่งมากมาย แต่ได้กำไรมาก้อเข้ากระเป๋าเจ้าของเงินครับ ไม่ได้เข้ากระเป๋าคนบริหารเลยการเลือกตั้งครั้งต่อไปคาดว่าต้องมีการออกมาเรียกร้องมากกว่านี้ และต้องยุบสภาครั้งที่ 2 หรือไม่อาจเกิดเหตุจลาจลขึ้นแบบ 16ตุลาคมซึ่งเป็นผลมาจากการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จของไทยรักไทย และไม่มีใครมาคานอำนาจไว้ เนื่องจากเกรงใจอำนาจเงินของคุณทักษิณ ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ จะถูกรวมใหม่เป็น ฝ่ายภายใต้การควบคุมของทักษิณแบบเบ็ดเสร็จ คุณจะไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ทั้งสิ้น และรับรองจะมีม๊อบก่อจลาจลเพื่อขับไล่คุณทักษิณออก และเหตุการณ์จะบานปลายมากกว่านี้มากคุณทราบหรือไม่ว่าชาวต่างชาติจะเดินทางเข้าออกประเทศไหน เค้าจะดูจากความมั่นคงทางการเมืองของชาตินั้นเป็นหลัก ถ้ามีความมั่นคงและเสถียรภาพมาก ประชาชนก็จะยิ่งมีคุณภาพมาก เพราะแสดงให้เห็นว่ามีการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพแต่ถ้ามีการเลือกตั้งบ่อยๆ เกิดการยุบสภาชาวต่างชาติจะไม่กล้าท่องเที่ยวหรือลงทุนเลย เช่นรัฐบาลนี้ให้กำไรการค้าขายนี้10%และพอยุบสภารัฐบาลใหม่ให้เพียง 1% เป็นคุณ คุณจะมาลงทุนหรือ ทำให้เกิดการเสียรายได้มากมาย และทำให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นแย่ลง เช่น ประเทศไทยในปัจจุบันตั้งแต่ช่วงยุบสภาที่ผ่านมา ตลดาไนท์บาร์ซ่าที่เชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวน้อยลงมาก ขาดรายได้มหาศาลอันเนื่องมากจากความกังวลของสถานะทางการเมืองของนักท่องเที่ยว ไม่เชื่อคุณสามารถมาดูได้ครับส่วนการออกมาเรียกร้องของคุณสนธิ และกลุ่มพันธมิตรผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งคือการปลุกปั่นและระดมความคิดว่าคุณทักษิณขายชาติ เพราะมันสร้างความแตกแยกให้กับประชาชนออกเป็นหลายฝ่าย ทำให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมือง ทำให้คนเข้าใจผิด การเรียกร้องอำนาจประชาธิปไตยคุณสามารถทำได้โดยการรวมตัวเรียกร้องอย่างสงบ ไม่ใช่ออกมาจัดรายการต่างๆ แล้วกล่าวหาเรื่องราวมากมาย ซึ่งมันไม่ใช่การเรียกร้องแล้ว เค้าเรียกว่าการยุยงให้คนหลงเชื่อ และเกิดความคิดแตกแยก อีกทั้งพรรคประธิปปัตย์เคยลงเป็นรัฐบาลมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่เคยมีผลงานเป็นรูปธรรมมีแต่ "เรื่องนี้ผมยังไม่ได้รับรายงานเลย" ผมได้ยินคำนี้จากคุณชวนบ่อยมาก ทำให้พรรคประชาธิปปัตย์ไม่ค่อยมีความน่าเชื่อ ถึงแม้จะมีฐานเสียงทางภาคใต้มากกว่าพรรคไหนๆก็ตามทั้งหมดผมยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ในตอนนี้ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร เพราะแต่ละคนในวงการเมืองไม่มีความน่าเชื่อถือเลย ทั้งคุณจำลอง คุณสนธิ และ 3พรรคฝ่ายค้าน แต่ละคนจ้องจะล้มรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์แก่ตนเองทั้งสิ้น ดังนั้นผมจึงอยากขอให้ทุกคน ถ้าคุณจะไปเลือกตั้งคุณควรศึกษาเรื่องการเมืองอย่างชัดเจน อย่าถูกชักจูงหรือ เลือกเพราะไม่รุ้จะเลือกใครดี ปัญหาการเมืองมีทางออกเสมอผมคิดว่าถ้าใครไม่อยากเลือกควรไปกา งดออกเสียงให้มากที่สุด แล้วมาวัดกันว่า งดออกเสียงกับ ไทยรักไทย ใครจะมากกว่ากัน และประชาธิปไตยจะดำเนินการจัดสรรคนที่เหมาสมกับการทำงานเอง เชื่อผมว่าในอนาคตต้องมีคนที่เหมาะสมกับการบริหารงานประเทศไทยต่อไปแน่นอน....ป.ล.ใครมีความคิดเห็นอย่างไรกรุณาแสดงควมคิดเห็นให้ตรงประเด็นกับกระทู้นี้ ด้วยความสุภาพและมีมารยาทด้วยครับ ขอบคุณมากที่เข้ามาอ่าน
-->
โดย : คนเชียงใหม่ อีเมล์ : jjhzam@hotmail.com วันที่ : 2006-03-05 21:46:09

สยอง! โจ๋โหดฆ่าแท็กซี่ เลียนแบบเกมออนไลน์
โดย ไทยรัฐ
วัน อาทิตย์ ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.
ผู้เล่นจะต้องก่ออาชญากรรม จึงขอเงินแม่ไปซื้อมีด 2 เล่ม โบกแท็กซี่พาไปซอยเปลี่ยว ก่อนจี้ชิงทรัพย์ แท็กซี่ฮึดสู้จึงถูกแทงร่าง พรุน พลเมืองผ่านมาเห็นแจ้ง ตร.จับทันควัน เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา (3 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางพลัด กทม. รับแจ้งจากพลเมืองดีประสบเหตุคนร้ายขี้ชิงทรัพย์รถแท็กซี่ สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทล 5764 กรุงเทพมหานคร ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 77 แยก 1 แขวงและเขตบางพลัด จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุ พบคนร้ายกำลังจะขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวหลบหนี จึงเข้าสกัด พร้อมคุมตัวคนร้ายลงมาตรวจสอบ พบว่า เป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 18 ปี นักเรียนชั้นม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ส่วนภายในรถ เจ้าหน้าที่พบศพนายควร โพธิ์แข็ง อายุ 54 อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 11 ต.หนองกุง อ.แกดำ จ.มหาสารคราม คนขับแท็กซี่ ตามร่างตายถูกแทงด้วยมีปลายแหลมกว่า 10 แห่ง ข้างๆ พบมีดปลายแหลม 2 เล่ม เปรอะเปื้อนคราบเลือด คาดว่าเป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือสังหารคนขับแท็กซี่รายนี้จริง โดยเลียนแบบเกมออนไลน์เกมหนึ่ง ซึ่งผู้เล่นจะต้องก่ออาชญากรรม จึงขอเงินมารดา 500 บาท ไปซื้อมีด 2 เล่ม ก่อนเรียกแท็กซี่เคราะห์ร้ายจากหน้าโรงพยาบาลยันฮี ให้มาส่งบริเวณเกิดเหตุ ก่อนใช้มีดจี้ชิงทรัพย์จนเกิดการต่อสู้กันขึ้น ตนจึงใช้มีดแทงนายควร จนเสียชีวิต ระหว่างเคลื่อนย้ายศพเพื่อนำไปทิ้ง พลเมืองผ่านมาเจอจึงแจ้งตำรวจเข้าจับกุมในที่สุด

Should parents be responsible if their children behave badly?

Nowadays, there are many thing have changed such as Family structure, Environment, social life style and techonlogy. No one know sometime they can make behaviors of children to bad way!!



Mang head news reported about teenage criminals and the reason about children have badly behaviors because their parent . It could be true or wrong also. Whatever the role of parent should have responsibilily about their home, work and children. Now family structure, become to nuclear Family sometime children have relaxation with another less than before but they will pay attention with friends, TV ,computer, internet include game online or a website can make a new friend. So children could be bad because some situation their friends give a wrong advice such as the news is "Victim from Rock ", in detail a teenage gang attacked to another but they did wrong people just could not control their anger. "Taxi driver was killed by children" the reoson from game by he copied situation in the game In the case their parent should responsible them and the teenage want to have acceptable from people so the parent have to understand them because they will belive friend more than parent. Actually parent must be responsibility about their children but social must help together such as a teacher, neighbour and care about It information that can make behaviour of children in the right way.






However if everyone help and care children in social and technology today they will grow up to a good person so can not make a problem to social and another. Every ploblem can resolve if we help.

โจ๋กรุงเก่าปาก้อนหินใส่คู่อริ พลาดถูกเด็กม.1ปางตายวัยรุ่นเมืองกรุงเก่าขี่จยย.ถูกคู่อริทำร้าย ย้อนกลับหวังเอาก้อนหินขว้างใส่ แต่พลาดไปถูกเด็กนักเรียน ม. 1 ที่พิการ ก้อนหินถูกกระโหลกแตกสมองไหล บาดเจ็บสาหัส มือหินทำทีเข้าแจ้งความถูกทำร้ายเช่นกัน สุดท้ายถูกตำรวจรู้ทันจับกุมไว้ได้
(5ก.ค.) เวลา 09.30 น. นางสมปอง สุขเจริญ อายุ 37 ปี อยู่เลขที่ 47 ม.4 ต.กะแชง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าแจ้ง พ.ต.ท.จำรัส มหาสุภาพ สว.เวรสภ.พระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 4 ก.ค.ขณะที่ ด.ช.กำพล หรือกุ๊ก สุขเจริญ อายุ 14 ปี ลูกชายซึ่งเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนวัดพระขาว ม.5 ต.น้ำเต้า อ.บางบาล ซึ่งร่างกายขาข้างซ้ายลีบเกิดจากไฟไหม้ ไม่มีเรี่ยวแรง แต่สามารถขี่จักรยานได้
ขณะกำลังขี่จักรยานมาตามถนนทางเข้าบ้านหมู่ 5 ต.พระขาว อ.บางบาล กำลังจะถึงบ้าน ปรากฎมีวัยรุ่นขี่จักรยานยนต์มาเป็นกลุ่มแล้ว 1 ในจำนวนนั้นได้ใช้ก้อนหินขนาดใหญ่เท่ากำปั้น เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4.5 นิ้ว ซึ่งพบในที่เกิดเหตุ ขว้างใส่ ด.ช.กำพล จนล้มลง แล้ววัยรุ่นทั้งหมดก็ขี่จยย.หนีไป
ส่วน ด.ช.กำพล หมดสติอยู่กับถนน ชาวบ้านได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลบางบาลแต่อาการไม่ดี เนื่องจากบาดแผลใหญ่มาก มีมันสมองและเลือดไหลออกมามาก จึงได้นำส่งรพ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งแพทย์ได้นำเข้าห้องผ่าตัดทันที ล่าสุดอาการปลอดภัยโดยนำไปพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 2 ตึกศรีสรรเพชร รพ.พระนครศรีอยุธยา ขอให้ติดตามจับกุมคนร้ายให้ด้วย
นางสมปอง เปิดเผยว่า ตนมีฐานะยากจน แยกทางกับ นายชาลี วุฒิภักดิ์ อายุ 38 ปี พ่อของเด็ก ต้องทิ้งให้ ด.ช.กำพล อยู่กับยายอายุ 70 ปี โดย ด.ช.กำพล ขาข้างซ้ายพิการขาลีบไม่มีเลี่ยวแรง เนื่องจากถูกไฟไหม้ตั้งแต่เด็ก ใช้ชิวิตลำบาก บางวันก็ต้องไปขอข้าววัดรับประทาน ตอนนี้กลุ่มใจเพราะเกรงจะไม่มีเงินดูแลรักษาพยาบาล
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัว นายนัยนิต หรือนิด ถนอมใจ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 ม.1 ต.น้ำเต้า อ.บางบาล ซึ่งเดินทางมาแจ้งความว่า ถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้าย จึงใช้ก้อนหินขว้างใส่ โดยไม่ทราบว่าได้ขว้างไปถูกผิดคน จนกระทั่งถูกด.ช.กำพล ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตำรวจสอบสวนจนพบพิรุธ
นายนัยนิต ให้การว่า ได้ขี่จยย.ยี่ห้อฮอนด้าสีแดงดำ ทะเบียนป้ายแดง 54-096 พระนครศรีอยุธยา ไปตามถนนสายอยุธยา-สีกุกสายเก่า โดยมีนายทรงชัย ถนอมใจ อายุ 26 ปี พี่ชายที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นดักทำร้าย จึงโกรธความโกรธแค้นตั้งใจย้อนกลับไปใช้ก้อนหินขว้างกลุ่มวัยรุ่น เมื่อเห็น ด.ช.กำพล ขี่จักรยานสวนทางมา จึงคิดว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นคู่อริ จึงได้ใช้ก้อนหินขว้างใส่ดังกล่าวแล้วก็หลบหนีไป
จนกระทั่งเช้าทราบว่ามีคนเจ็บจากการถูกปาหิน จึงรีบมาแจ้งความก่อนว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายเช่นกัน แต่ตำรวจพบพิรุธ จึงยอมรับสารภาพว่าเป็นคนปาเอง ซึ่งตำรวจได้ออกหมายจับ นายทรงชัย อีก 1 คน ในข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ด้าน นพ.ณัฐพัฒน์ วรรณจิตร แพทย์เวรที่ทำการรักษาด.ช.กำพล เปิดเผยว่า ขณะนี้อาการทั่วไปเด็กรู้สึกตัวและตอบสนอง แต่ยังต้องพักรักษาตัว เนื่องจากมีเลือดคั่งในสมอง และกระโหลกยุบลงไปคงต้องรอดูอาการอีกระยะหนึ่ง